
เมื่อเวลา 13.00 น. วันทีร 23 มิ.ย.2568 นางพัชรา บาคมันน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 354 ม.12 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่นพร้อมด้วยชาวบ้าน บ.หนองแสง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อให้ตรวจสอบการก่อสร้างโรงงานผลิตซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้ม ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ.หนองแสง ม.12 ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น หลังจากที่ได้ร้องเรียนมาแล้ว เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบโรงงานดังกล่าวเนื่องจากเคยมีการทดลองระบบทำให้มีกลิ่นสีและเสียงจากโรงงาน สร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านในพื้นทีอย่างมาก


นางพัชรา กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวก่อสร้างมาได้ 2 ปี ในพื้นที่ประมาณ 1.5 ไร่ ตอนเริ่มก่อสร้างถมที่ดินได้ไปสอบถามกับทางเจ้างของโรงงานว่าจะสร้างเป็นอะไร จึงได้รับคำตอบว่าจะทำเป็นโกดังเก็บของก็ไม่ได้ท้วงติงอะไร แต่พอถมดินเสร็จมีเครื่องจักรใหญ่เข้ามาเริ่มไม่มั่นใจว่าจะทำอะไรกันแน่ จึงได้ไปตรวจสอบกับฝ่ายปกครองว่าโรงงานนี้จะทำอะไรกันแน่ ซึ่ง ผญบ.แจ้งกลับมาว่า ทางโรงงานมาขอบ้านเลขที่เพื่อทำโกดังเก็บของ พอเจอเจ้าของโรงงานจึงได้เข้าไปสอบถามด้วยตัวเองตกลงว่าเทำอะไร ทางนั้นก็ตอบว่าทำโกดังเหมือนเดิม


” พอเข้าปีที่2 มาแปรสภาพเป็นโรงงานผลิตและซ่อมบำรุงถังแก๊ส ซึ่งโรงงานเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบทั้งเรื่องกลิ่นเพราะการผลิตถังแก๊สต้องใช้สีและสารเคมีเข้ามาในขั้นตอนการผลิตซึ่งส่งกลิ่นเหม็น และถ้ามีการเดินเครื่องนาน คอเริ่มแห้ง เรื่องฝุ่นละอองโดยเฉพาะ pm2.5 คงจะกระจายไปทั่วเพราะที่บ้านมีเครื่องวัดระดับฝุ่นและเครื่องฟอกอากาศถ้าโรงงานเดินเครื่องฝุ่นก็จะกระจาย ตัวเลขของเครื่องที่ติดอยู่ที่บ้านก็จะดีดขึ้นทันที เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว และแม้ว่าโรงงานนี้ไม่ได้เดินเครื่องทุกวันแต่ทุกครั้งที่โรงงานเดินเครื่องคือวันที่ชาวบ้านมีปัญหาและได้รับผลกระทบโดยตลอด”


นางพัชรา กล่าวต่อว่า ได้ไปคุยกับเจ้าของโรงงานมาแล้วหลายครั้ง ก็บอกแค่ว่าจะแก้ไขปรับปรุงแต่ก็แก้ไม่สำเร็จ จึงคิดว่าเกินที่จะคุยเองจึงอยากให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยแก้ไข ซึ่งตอนนี้โรงงานถูกเทศบาลสั่งปิดชั่วคราวเพราะยังไม่มีใบอนุญาต เพราะยังขาดใบอนุญาตอีกบางส่วน ซึ่งหากว่าโรงงานนี้ทำถูกกฎหมายทุกอย่าง ขอใบอนุญาตถูกต้อง เปิดดำเนินการเต็มรูปแบบชาวบ้านก็คงห้ามไม่ได้ในการทำมาหากิน แต่ถ้าอยู่ต่อไปมีเครื่องชำรุดติดขัดมีปัญหาเรื่องกลิ่นชาวบ้านต้องมานั่งฟ้องร้องกันอีกเพราะเรื่องมลพิษมันไม่จบสิ้น อยากให้มีโรงงานนี้หรือไม่ถ้าถามใจชาวบ้านเพราะตัวเองเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดได้รับผลกระทบมากที่สุดใจไม่อยากให้เปิดทำการอยากให้ทำแค่โกดังเก็บของเหมือนที่เคยบอกไว้


“พูดตรงๆไม่อยากให้มีโรงงานอุตสาหกรรมที่มีมลพิษมาอยู่ใกล้ๆบ้านตัวเองมองในอนาคตหากโรงงานเปิดกิจการเต็มรูปแบบปอดพังแน่นอน ตอนที่ยังเปิดไม่ได้ 3 วันที่เดินเครื่องสภาพก็ไม่ไหวแล้ว เราจะต้องมานั่งดมกลิ่นแบบนี้ตลอดไม่ได้เราไม่ได้อยู่ 1-2 สัปดาห์ แต่มาอยู่ในบั้นปลายชีวิต คงไม่มีใครอยากได้ที่ดินติดโรงงานที่มีมลพิษ อย่างไรก็ตามขอให้มีหน่วยงานของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการทำประชาคม ที่โรงงานนั้นเสนอขึ้นมา โดยชาวบ้านอยากให้มีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วยไม่อยากให้โรงงานทำกันเองเพราะจะเกิดความไม่โปร่งใส”

















