
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) 1 ราย ใน จ.มุกดาหาร เป็นเพศชาย อายุ 53 ปี ทำให้สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่7ขอนแก่น มีการประกาศแจ้งให้พื้นที่ จ.ขอนแก่น,มหาสารคาม,ร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์ เฝ้าระวังป้องกันเพิ่มมากขึ้น


พญ.พุทธพร ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น กล่าวว่า สำนักงานฯ ซึ่งดูแลพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลยืนยันผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง แต่มีมาตรการดูแลและสั่งให้เฝ้าระวัง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในพื้นที่มุกดาหาร หากมีสัตว์ป่วยตายโดยเฉพาะโค กระบือ แพะ แกะ ห้ามบริโภคและต้องแจ้งให้กับปศุสัตว์หรือผู้นำชุมชนรับทราบทันที


“สำหรับการติดเชื้อแอนแทร็กซ์ มี 3 ช่องทางหลักๆคือติดต่อทางผิวหนัง มีแผลถลอก ถ้าหากสัมผัสซากสัตว์หรือผิวหนังสัตว์ที่ติดเชื้อก็จะได้รับเชื้อเข้าไปด้วย โดยเริ่มแรกแผลจะเริ่มเป็นตุ่มใส และแตกออก ข้างในจะมีสะเก็ดดำๆคล้ายบุหรี่จี้ อัตราการเสียชีวิตไม่สูงมากประมาณ 5 ถึง 20% ,ติดเชื้อผ่านทางเดินอาหาร คือ การบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ มี โอกาสเสียชีวิต ประมาณ 60-70% และการติดเชื้อผ่านทางเดินหายใจ คือการสูดดมสปอร์เชื้อเข้าไป ลักษณะนี้เกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีการรายงาน หากสูดดมเข้าไปจะมีอาการภายใน60วัน มีโอกาสเสียชีวิตสูง 80-90%”


ขณะที่นายกระสินธ์ คลังชำนาญ เจ้าของร้านสีก้อยฟ้าวเจ้าอ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ร้านไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ที่ จ.มุกดาหาร แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยมีข่าววัวในพื้นที่ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า สร้างความแตกตื่นให้กับผู้บริโภค ก็จะส่งผลกระทบกับรายได้เล็กของร้านเล็กน้อย และผู้บริโภคก็จะหันไปสั่งเมนูอื่นที่ไม่ใช่เนื้อแทน แต่ไม่นานก็กลับมาสั่งเหมือนเดิม โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชอบทานเนื้อดิบไม่มาก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานข้าราชการ มักจะทานสุกเป็นหลัก เฉลี่ยถ้า100คน จะสั่งเมนูดิบประมาณ10คน


“ร้านจะสั่งเนื้อวัว โดยตรงจากโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการตรวจโรคของเจ้าหน้าก่อนเชือด โดยเนื้อที่ได้ก็จะสดใหม่ทุกวัน จึงไม่มีปัญหา เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้บริโภค แต่ที่น่าห่วง คือวัวที่ไม่ได้ฆ่าจากโรงฆ่าสัตว์ ที่ได้รับรองมาตรฐานถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นวัวที่นำไปเชือดตามชุมชนต่างๆซึ่งไม่มีการตรวจโรคก็จะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ”


นายกระสินธุ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับวิธีสังเกต ถ้าเป็นเนื้อที่มาจากโรงฆ่าสัตว์ ที่ถูกกฎหมาย จะเป็นเนื้อที่แน่นกว่า สดกว่า มีสีชมพู เพราะไม่เกิน 1 ชม. เนื้อต้องมาถึงร้าน แต่ถ้าเป็นเนื้อที่ชาวบ้านเชือดกันเอง ก็จะเป็นสีซีด และคล้ำกว่า เนื่องจากใช้เวลาเชือดนานกว่าโรงฆ่าสัตว์ ดังนั้นผู้บริโภคจะต้องสังเกตุด้วยและหากมีรอยจุดรอยช้ำ หรือรอยจ้ำ ห้ามนำมารับประทานเด็ดขาด
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797














